เอ็มทีวีขอนแก่น ศูนย์ผลิตสื่อโฆษณาครบวงจร

ปิดฉากขุนส่าราชายาเสพติดเสียชีวิตแล้วที่กรุงร่างกุ้งของพม่า
          "ขุนส่า“ หรือ "จางซีฟู" อดีตราชายาเสพติดชื่อก้องโลกได้เสียชีวิตไปเมื่อคืนวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่บ้านพักกลางกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ด้วยโรคชรา วัย 74 ปี ท่ามกลางบุตรชาย และบุตรสาว   ที่เฝ้าดูอาการของผู้เป็นบิดาอย่างใกล้ชิด 

          ก่อนหน้านี้ ขุนส่า ได้เกิดอาการล้มป่วยมาแล้ว 2-3 ครั้ง ด้วยโรคชรา แต่ก็สามารถรักษาอาการล้มป่วยจนกระทั่งเมื่อคืนวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ขุนส่าเกิดอาการช็อคและสิ้นลมหายใจในที่สุด

          สำหรับ ขุนส่า หรือจางซิฟู ราชายาเสพติดโลก เป็นผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่รัฐฉาน (บ้านหัวเมือง) ซึ่งอยู่ตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีกำลังทหารไทยใหญ่ประมาณ 2,000 คน ได้ต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่ามาตลอดเวลา จนกระทั่งต้นปี 2539 ขุนส่า ราชายาเสพติดโลก ได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลพม่า โดยนำทหารไทยใหญ่และอาวุธปืนมอบให้กับทหารพม่าที่บ้านหัวเมือง จากนั้นทางการพม่าได้ควบคุมตัว ขุนส่า เข้าไปอยู่ภายในบริเวณบ้านพักที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า จนกระทั่ง ขุนส่า ได้เสียชีวิตลง เมื่อคืนวันที่ 28 ตุลาคม 2550

       ขุนส่า เป็นบุตรชายเจ้าหน้าที่กองทัพก๊กมินตั๋งของจีน มารดาเป็นคนเผ่าฉาน เกิดเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2476 แม้มีการศึกษาน้อย แต่ได้เรียนรู้การต่อสู้จากกองกำลังก๊กมินตั๋ง ซึ่งถูกกองทัพคอมมิวนิสต์จีนขับไล่เข้าไปในดินแดนพม่า

      จากนั้นในช่วง 2503 ขุนส่ากลายเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือดินแดนสามเหลี่ยมทองคำและกลายเป็นราชายาเสพติดระดับโลก และเป็นผู้นำกองทัพรวมชาติรัฐฉาน (Shan United Army) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นกองทัพไทยม้ง หรือไทยใหญ่ นำทัพรบกับทหารพม่าเพื่อตั้งรัฐอิสระนานหลายสิบปี โดยนำเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด ทั้งฝิ่นและเฮโรอีน ที่ส่งขายไปทั่วโลกรวมทั้งในสหรัฐฯ มาสนับสนุนภารกิจกอบกู้ ชาติ ซึ่งขุนส่ายืนยันมาตลอดว่าค้ายาเสพติดก็เพียงเพื่อให้ได้เงินมาสนับสนุนภารกิจกู้ชาติเท่านั้น 

       กระทั่ง พ.ศ.2532 ขุนส่าถูกศาลสหรัฐฯตัดสินว่า มีความผิดคดีลักลอบค้าเฮโรอีนและตั้งค่าหัวนำจับไว้ 2 ล้านดอลลาร์ พร้อมดำเนินเรื่องขอให้ทางการพม่าส่งตัวขุนส่ามาดำเนินคดีในสหรัฐฯ แต่แล้วใน พ.ศ. 2539 รัฐบาลทหารพม่าที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับขุนส่ามายาวนาน กลับเสนอนิรโทษกรรมให้กับราชานักค้าฝิ่น ซึ่งขุนส่าเองก็ตอบรับก่อนยุบกองทัพไทยใหญ่ที่มีนักรบอยู่ราว 10,000 นาย และย้ายไปพำนักในกรุงย่างกุ้ง จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งแม้จะไม่มีการยืนยันในข้อเสนอระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่มีรายงานระบุว่า หลังจากยอมสยบให้รัฐบาลทหารพม่าแล้ว ขุนส่าก็มีความเป็นอยู่ที่หรูหรา ได้รับสัมปทานทำธุรกิจภาคการขนส่งและเหมืองทับทิม รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ภายใต้การคุ้มกันอย่างดีจากรัฐบาลทหารพม่า

             บ้านพัก และกองบัญชาการกองทัพขุนส่า ที่ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย               ก่อนถูกทางการไทยเข่ากวาดล้าง ในยุทธการบ้านหินแตก เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2525